Pages

Friday, September 11, 2020

"STEM-ED" สะเต็มศึกษา สร้างนักคิด...ผลิตนวัตกรรม - ไทยรัฐ

zeranjerat.blogspot.com

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ระบุว่า อีก 10 ปีข้างหน้า ประมาณ 40% ของอาชีพในปัจจุบันจะหายไป และจะมีตำแหน่งงานใหม่ขึ้นมาแทนที่

แม้จะยังไม่มีการลงรายละเอียดว่า ตำแหน่งงานใหม่ที่จะมาแทนที่นั้น เป็นตำแหน่งและงานอะไรบ้าง แต่แน่นอนที่สุด ต้องเป็นงานที่ใช้ทักษะ หรือ Skill set ใหม่ๆ ซึ่งนั่นหมายความว่า การศึกษานับจากวันนี้ จะต้องสร้างคนที่ไม่ใช่มีแค่ความรู้
แต่ต้องมีทักษะรอบด้านที่พร้อมจะเข้าสู่ตลาดแรงงานในศตวรรษที่ 21 ซึ่งใกล้เข้ามาทุกขณะ

เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ โครงการ Chevron Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต และ ศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA MEO STEM-ED) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือพัฒนา STEM–ED หรือ สะเต็มศึกษา ที่ครอบคลุมทั้งการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะวิชาชีพและการวิจัย เพื่อส่งเสริมคุณภาพเยาวชนให้มีทักษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 โดยจะเป็นต้นแบบแนวปฏิบัติระดับนโยบาย เพื่อแก้ปัญหาประเทศในระยะยาว ก่อนต่อยอดใช้เป็นโมเดลการศึกษาอาเซียนต่อไป

สะเต็มศึกษา คืออะไร เป็นสิ่งที่หลายคน อาจจะตั้งคำถาม ทั้งๆที่จริงๆแล้ว STEM-ED หรือสะเต็มศึกษา ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว คำว่า STEM ถูกใช้ครั้งแรกโดย สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (the National Science Foundation : NSF) ย่อมาจาก Science, Technology, Engineering and Mathematics เป็นแนวทางการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และสามารถบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กระบวนการทางวิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ไปใช้ในการเชื่อมโยงและแก้ปัญหาในชีวิตจริงให้ได้ โดยทุกสาขาวิชามีความสำคัญเหมือนกัน ที่ต้องมีการจัดการการเรียนโดยบูรณาการทุกศาสตร์เข้าด้วยกัน

ยิ่งเมื่อรัฐบาลตั้งเป้าหมายนำพาประเทศเข้าสู่โมเดล “Thailand 4.0” ที่มุ่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่...เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม นั่นหมายความว่า ระบบการศึกษาของประเทศไทยก็จำเป็นที่จะต้องปรับ เปลี่ยนไปตามบริบททางสังคมด้วยเช่นเดียวกัน จากการเรียนที่เน้นความจำ เปลี่ยนเป็น Creative Learning ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรม

ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะสมาชิกองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAMEO) บอกว่า STEM เป็นการศึกษาที่ตอบโจทย์เทรนด์การศึกษาโลก ซึ่งต้องมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนให้เท่าทันสถานการณ์และบริบทโลกได้

“ปัจจุบันชาติอาเซียนกำลังเผชิญปัญหาคล้ายกันที่ล้วนสัมพันธ์กับสะเต็มศึกษา โดยเฉพาะขาดการพัฒนาฝีมือแรงงานด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้ไม่สามารถหลุดพ้น กับดักรายได้ปานกลางไปได้ ด้วยศักยภาพของศูนย์ SEAMEO STEM-ED ผมคาดหวังว่าจะสามารถนำแนวปฏิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศไทยไปพัฒนาเป็นโมเดลต้นแบบแก้ปัญหาด้านการศึกษาของภูมิภาคอาเซียนต่อไปได้”

ขณะที่ ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผอ.ศูนย์ SEAMEO STEM-ED บอกว่า ศูนย์ SEAMEO STEM-ED มุ่งเน้นการขับเคลื่อนสะเต็มศึกษาเข้าสู่ระดับนโยบายของประเทศ โดยเข้าไปบริหาร “โครงการ Chevron Enjoy Science ระยะ 2” ด้วยการส่งเสริมและให้ข้อแนะนำถึงการเรียนรู้สะเต็มศึกษาทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน รวมถึงจัดทำวิจัยเพื่อผลักดันให้เป็นนโยบายทางการศึกษาและแนวปฏิบัติให้เป็นที่ยอมรับ

ผอ.ศูนย์ SEAMEO STEM-ED ให้ข้อมูลว่า กรอบการทำงานในโครงการนี้ มีด้วยกัน 3 ด้าน คือ 1.ด้านนโยบายสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ หรือเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง 2.พัฒนาจัดการเรียนรู้ด้านสะเต็มศึกษาผ่าน 3 กิจกรรม STEM Professional Academy เพิ่มศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา STEM Learning Modules พัฒนานวัตกรรมสื่อการเรียนรู้และจัดเวทีวิชาการ และ STEM Career Academies แนะแนวทางศึกษาต่อมหาวิทยาลัย เพิ่มทักษะจำเป็น และสร้างแรงบันดาลใจในอาชีพด้านสะเต็ม และ 3.ส่งเสริมด้านการวิจัยพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านสะเต็มที่เหมาะกับบริบทของประเทศ

“ข้อค้นพบที่ได้จากโครงการฯ และผลการดำเนินงานจะถูกรวบรวมส่งต่อไปยังผู้กำหนดนโยบาย รวมถึงนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ 11 ชาติอาเซียน หรือ SEAMEO Congress ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปีหน้า” ดร.พรพรรณ บอก

ไพโรจน์ วียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการต่อยอดความสำเร็จของโครงการ Chevron Enjoy Science ที่ดำเนินงานรูปแบบ “รัฐร่วมเอกชน” ภายใต้ระยะเวลา 7 ปี (พ.ศ.2558-2565) ด้วยงบประมาณกว่า 1,160 ล้านบาท ซึ่งการที่เชฟรอนฯ เข้ามาร่วมมือกับศูนย์ SEAMEO STEM-ED เป็นการย้ำว่าสะเต็มศึกษาเป็นพื้นฐานสำคัญที่ต้องต่อยอดสู่ระดับนโยบายแต่ละประเทศ โดยที่ผ่านมาได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยจัดตั้งศูนย์สะเต็ม 12 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางบริหารจัดการสื่อการเรียนรู้ การพัฒนาครูต้นแบบ พัฒนาหลักสูตร และติดตามประเมินผลต่อเนื่อง โดยมีโรงเรียนเข้าร่วมทั้งสิ้น 724 แห่ง มีผู้ได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมกว่า 3 ล้านคน

เมื่อวันนี้ ทุกคนบนโลกไม่มีใครสามารถอยู่แบบเดิมได้อีกแล้ว การเรียนรู้ข้ามศาสตร์ คือ เทรนด์ของการศึกษาโลก คนปลูกผักจะรู้เรื่องผัก หรือเรื่องเกษตรอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเป็นเกษตรที่มีนวัตกรรม และต้องรู้เรื่องตลาด เรื่องการค้าควบคู่ไปด้วย หรือแฟชั่นนิสต์ แฟชั่น ดีไซเนอร์ จะรู้แค่เรื่องแฟชั่นกับดีไซน์ ไม่พอแล้ว ต้องรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ โปรแกรม แพลตฟอร์มต่างๆหรือแม้แต่การทำบัญชี

คิดเล่นๆก็คือ คำขวัญแบบโบราณที่ว่า “รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว” คงใช้ไม่ได้สำหรับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว.

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


September 12, 2020 at 05:01AM
https://ift.tt/32oiEZT

"STEM-ED" สะเต็มศึกษา สร้างนักคิด...ผลิตนวัตกรรม - ไทยรัฐ
https://ift.tt/3ch704S
Home To Blog

No comments:

Post a Comment